UFABETWINS จ่ายพันล้าน งานต้องเดิน : “เชลซี เวย์” เปลี่ยนโค้ชบ่อยแต่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

UFABETWINS “ไม่เสียอย่าซ่อม” คือวลีที่เราได้ยินตลอดมาในโลกฟุตบอล

จ่ายพันล้าน งานต้องเดิน : "เชลซี เวย์" เปลี่ยนโค้ชบ่อยแต่ประสบความสำเร็จได้อย่างไร?

 … อะไรที่ดีอยู่แล้ว อย่าเสี่ยงไปเปลี่ยนมันจะดีกว่า นั่นคือสิ่งที่ใครก็รู้ดีและเห็นด้วยอย่างที่สุด

ในทางเดียวกัน มีประโยคที่ตรงข้ามกับสิ่งนี้คือ “อะไรที่ใช้ไม่ได้ … ทำไมต้องทน ?” ว่าด้วยเรื่องการอดทนที่มีขีดจำกัดแสนสั้น และพร้อมจะเปลี่ยนทันทีเมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล

บางคนบอกว่าการไร้ความอดทนคือหนทางสู่หายนะ … แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แบบนั้นสำหรับ เชลซี เพราะนับตั้งแต่ขายทีมให้กับ โรมัน อบราโมวิช พวกเขาเปลี่ยนโค้ชมากจนนิ้วมือนับไม่พอ บางคนทำงานไม่ถึง 1 ปี ก็โดนไล่ออก หมดค่าชดเชยสัญญามาไม่ต่ำกว่า 170 ล้านปอนด์ แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าจะทำแบบนี้ต่อไป

 

เพราะ เชลซี คือสโมสรในอังกฤษที่ได้โทรฟี่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา แม้ความอดทนจะต่ำ แต่ความสำเร็จกลับสูงสวนทาง มันเป็นเพราะอะไร ทำไมแนวคิดที่ไม่เน้นความต่อเนื่องกลับผลิดอกออกผลได้ขนาดนี้ ?

ติดตามได้ที่ Main Stand

ตั้งเป้าหมายให้ชัด … อย่าออกนอกเส้นทาง

โรมัน อบราโมวิช นักธุรกิจชาวรัสเซีย ผู้สร้างความมั่งคั่งจากอุตสาหกรรมโลหะและพลังงาน เข้ามาเทคโอเวอร์สโมสรเชลซี ในปี 2003 และเรื่องราวต่อจากนั้นคือตำนาน … พวกเขากลายเป็น 1 ในสโมสรที่ประสบควาสำเร็จที่สุดในประเทศ กวาดถ้วยรางวัลทุกอย่างที่สโมสรเข้าร่วมการแข่งขัน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะแนวทางที่ชัดเจนตั้งแต่วันแรก

ในตอนที่ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาซื้อทีม หลายคนมองว่าเชลซีจะกลายเป็นของเล่นคนรวย เอาไว้สนองความต้องการของเจ้าของและจะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองด้วยการเจียดเงินเพียงเล็กน้อยจากทรัพย์สินทั้งหมดของเขา แต่เปล่าเลย โรมันมาที่ลอนดอนเพราะเป้าหมายเดียว นั่นคือการทำให้เชลซีเป็นทีม “หมายเลข 1” ของประเทศ หรืออาจจะของโลกเลยด้วยซ้ำ

 

 

“ความทะเยอทะยานคือสิ่งเดียวที่ทำให้ผมมาที่นี่ สโมสรอยู่ที่นี่มาก่อนผม

 

และจะอยู่ที่นี่หลังจากที่ผมจากไป ดังนั้นงานของผมคือทำให้แน่ใจว่าเราจะประสบความสำเร็จเท่าที่เราจะทำได้ เช่นเดียวกับการสร้างเพื่ออนาคต” โรมัน อบราโมวิช กล่าวกับ Forbes

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการเข้ามาวาดฝันใหญ่โตในยุคที่ฟุตบอลอังกฤษยังถูกครอบครองด้วยความยิ่งใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ในมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ อาร์แซน เวนเกอร์ 2 ทีมที่ผลัดกันเป็นแชมป์ตลอดในช่วงปลายยุค 1990s ต่อต้นยุค 2000s

การจะแทรกขึ้นมาเหนือ 2 ทีมนี้ได้ เริ่มจากการมองที่จุดแข็งของแมนฯ ยูไนเต็ด และ อาร์เซน่อล ซึ่ง โรมัน อบราโมวิช พบสิ่งหนึ่งที่ 2 สโมสรนี้แตกต่างจากทีมอื่น ๆ ในพรีเมียร์ลีก สิ่งแรกที่เขามองเห็น คือการมีนักเตะที่มีคุณภาพ ทดแทนกันได้สำหรับการแข่งขันระยะยาว และอย่างที่สอง คือสิ่งที่เราจะมาพูดถึงกันในครั้งนี้นั่นคือ “ผู้จัดการทีม” ที่เก่งทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะทั้ง เฟอร์กี้ และ เวนเกอร์ ต่างได้รับการยอมรับว่าเป็นโค้ชที่ทรงอิทธิพลต่อการพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของทั้ง 2 สโมสร

หาก เชลซี จะยิ่งใหญ่ได้ พวกเขาจะต้องมีนักเตะที่เก่งกาจ และมีโค้ชที่มีกึ๋นมากพอที่จะท้าทายความยิ่งใหญ่ของ เฟอร์กี้ และ เวนเกอร์ ให้ได้ … กัปตันเรือที่ดีจะพาเรือไปถึงจุดหมายปลายทางที่ตั้งไว้ และมหกรรมการใช้โค้ชแบบสิ้นเปลืองของเชลซีก็เริ่มต้นขึ้น เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะทนใช้งานคนที่ไม่ใช่ และพาสโมสรไปผิดจากที่ทิศทางที่ตั้งไว้ “ทำทีมเป็นเบอร์ 1 ไม่ได้ ก็ออกไป” ฟังดูใจร้าย แต่นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเชลซีเสมอมา

 

การปลดโค้ชครั้งแรกมีเหยื่อคนแรกคือ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ในฤดูกาล 2003-04 คือตัวอย่างที่สะท้อนปรัชญาของโรมันอย่างแท้จริง รานิเอรี่อยู่มาก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเจ้าของสโมสร แต่โรมันก็มอบเงินจำนวนมากให้เขาซื้อนักเตะใหม่แบบที่วงการฟุตบอลอังกฤษไม่เคยเจอ ทั้ง โจ โคล, ฮวน เวรอน, เฮอร์นัน เครสโป, อาเดรียน มูตู … และอื่น ๆ อีกเยอะ เพื่อให้ทีมยกระดับจากทีมกลางตารางขึ้นมาเป็นทีมหัวตารางให้ได้

 

ผลงานของรานิเอรี่ไม่ได้แย่เลย มันดีที่สุดในรอบหลายปีเลยด้วยซํ้า เชลซีจบที่อันดับ 2 ของฤดูกาลนั้น และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก … หากเขาได้คุมทีมต่ออีกสักปี ได้เงินสนับสนุนอีกสักก้อน ได้ทำความรู้จักกับนักเตะในทีมให้มากกว่านี้ ไม่แน่ว่าความสำเร็จอาจมาถึงเร็วกว่าที่คิด

แต่นี่คือโรมัน และโรมันไม่ได้มาที่นี่เพื่อเป็นที่ 2 เขาไล่รานิเอรี่ออกจากตำแหน่งหลังฤดูกาลจบ และเดิมพันยุคสมัยใหม่กับกุนซือหนุ่มอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่นำ เอฟซี ปอร์โต้ เป็นแชมป์ยุโรปในซีซั่นดังกล่าว … ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว และสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ใครหลายคนตั้งตัวไม่ทัน มูรินโญ่พาทีมเข้าท้าทายเฟอร์กี้และเวนเกอร์อย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่คาแร็กเตอร์ของเขาก็สร้างจุดขายได้ด้วยฝีปากที่ร้อนแรง วาทะศิลป์ที่เฉียบคม

อย่างที่เรารู้กัน … ปีเดียวเท่านั้น มูรินโญ่พาทีมเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกที่โรมันรอคอย เขากลายเป็นกุนซือที่มีสถิติคุมทีมข่ม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และกลายเป็นคู่กัดที่ อาร์เซน เวนเกอร์ ไม่เคยพบเจอมาก่อน

คลิกเลย >>> UFABETWINS
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล