UFABETWINS สำรวจความคิดวัย 31 ปี “สรรวัชญ์ เดชมิตร” ผ่านทุกบทเรียนสีขาว-ดำของชีวิต

UFABETWINS “ขอบคุณคำถามนี้มาก.. ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาสัมภาษณ์เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”

ชายวัย 31 ปี ผู้มีทรงผมแปลกตาเป็นเอกลักษณ์ เอ่ยประโยคนี้ หลังถูกยิงคำถามแรก…ผู้เขียนกดเครื่องบันทึกเสียง พลางเปิดสมุดโน้ต บันทึกชุดคำถามที่ตระเตรียมมา สำหรับใช้สนทนากับ “แคมป์-สรรวัชญ์ เดชมิตร” นักฟุตบอลทีมชาติไทย และสโมสรทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่นั่งอยู่ห่างออกไประยะ 1 เก้าอี้ตลอดหลายปีที่ติดตามดูฟุตบอลไทย จนมาทำวิชาชีพสื่อ “สรรวัชญ์” คือ นักกีฬาไทยคนหนึ่งที่ถูกพูดถึงหลากหลายมุม แตกต่างกันออกไปในด้านสว่าง ผู้คนให้การยกย่องเขาว่าเป็น นักเตะไทยที่มีเท้าซ้ายสุดฉมัง, วางบอลแม่นยำ, มีวิสัยทัศน์การอ่านเกม และมีช็อตการเล่นเหนือความหมายเสมอยามลงสนามส่วนด้านที่มืด

สรรวัชญ์ เป็นนักฟุตบอลที่บางคนมองเชิงลบ ให้ความสนใจชีวิตนอกสนาม หรือรอซ้ำเติมความผิดพลาดในสนามของเขาอยู่เสมอ ด้วยบุคลิกที่เขาแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา จนตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายตรงข้าม และพบเจอกับ hate speech กระทั่งการ bully บ่อยครั้ง นตฺถิ โลเก อนินฺทิโต : “ผู้ไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลก” พุทธศาสนสุภาษิตข้อนี้ ทำให้เรารู้สึกว่า มันคงไม่แฟร์นัก หากจะตัดสินบุรุษนาม “สรรวัชญ์ เดชมิตร” จากคำพูดของคนที่รักหรือชังในตัวตนและสิ่งที่เขาเป็น ตอนเด็กเคยมองภาพตัวเองตอนอายุ 30 ไว้อย่างไร? พอถึงวันที่วัยเข้าเลข 3 มันเป็นแบบที่คิดไว้ไหม?โห ไม่เคยคิดเลยนะ แน่นอนเด็กไทยที่เล่นฟุตบอลทุกคนอยากติดทีมชาติ แต่ผมไม่ได้มองไกลขนาดนั้น ไม่ได้ตั้งเป้าว่าอายุ 20-30 จะต้องได้เล่นให้ทีมชาติ เพราะผมไม่เคยติดยุวชน, เยาวชนทีมชาติสักชุด แค่

UFABETWINS

เล่นไปตามจังหวะชีวิต และช่วงเวลานั้นๆ แสดงว่า ฟุตบอล เปลี่ยนแปลงทัศนคติคุณ ทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย? ก็เป็นไปได้ ถ้าบนโลกนี้ไม่มีกีฬาฟุตบอล ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะยืนอยู่จุดไหน? ผมมองไม่ออกจริงว่าตัวเองเก่งด้านไหนอีก? ผมเคยพยายามตั้งใจเรียนวิชาสามัญ แต่ผมเป็นคนเรียนไม่เก่ง หัวไม่ดีเลย แถมตอนนั้นเกเรด้วย จนช่วงสักอายุประมาณ 18 ปี ผมขอครอบครัวว่า อยากกลับมาสู้กับฟุตบอลอีกครั้ง หลังจากเคยหยุดไปนาน 6-7 เดือน เพราะคิดว่ากีฬานี้น่าจะสร้างอาชีพให้ตัวเองได้ ถึงแม้ตอนนั้นฟุตบอลอาชีพ เงินเดือนอาจไม่เยอะ แต่ผมอยากเอาหัวใจลงไปสู้กับกีฬานี้ เพราะตัวผมมีพื้นฐานฟุตบอลมาตั้งแต่เด็กติดตัวมา จากจุดนั้น ผมต่อสู้มาเรื่อยๆจนมีวันนี้ บางคนมองว่าคุณมาถึงจุดนี้ได้เพราะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ แต่ไม่ได้พูดถึง ความพยายาม หรือ พรแสวง ของคุณเลย รู้สึก

อย่างไรกับมุมมองลักษณะนี้จากคนอื่น?แล้วแต่เขาจะคิด ถ้าให้ผมมานั่งอธิบายคงมีคนส่วนน้อยที่อยากรับฟัง ผมแค่อยากบอกว่า ฟุตบอลมันไม่ได้ซ้อมแค่ 1-2 ปี คุณจะเก่งเลย หรือเกิดมาคุณมีพรสรรค์ก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม ผมเหนื่อยมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ จนถึง 18 ปี ผมเรียนวิชาสามัญแค่วันละ 3-4 ชั่วโมง ที่เหลือซ้อมฟุตบอลอย่างเดียวคุณไม่เคยเห็นว่า ผมเสียน้ำตามาเท่าไหร่กับการเล่นฟุตบอล เพราะผมทุ่มเทกับกีฬานี้มาก และคุณไม่รู้หรอกว่า ผมต้องเหนื่อยแค่ไหนเพื่อผลักดันให้ตัวเองมาถึงจุดนี้ การที่คุณย้ายไปเล่นฟุตบอลในต่างประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย มีส่วนช่วยให้คุณเติบโตขึ้นแค่ไหนในฐานะนักฟุตบอลอาชีพคนหนึ่ง?มีส่วนเยอะมาก ผมมาถึงจุดนี้ได้ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะได้ไปเรียนรู้การเป็นนักฟุตบอลอาชีพในลีกสิงคโปร์ (เล่นให้ แทมปิเนส โรเวอร์ส) ผมไม่

เคยสัมผัสกับลีกอาชีพมาก่อน ไม่เคยออกไปใช้ชีวิตต่างประเทศ ผมมีแค่โน้ตบุ๊ก 1 เครื่องเอาเปิด MSN คุยกับทางบ้าน เดือนแรกผมร้องไห้ เพราะไม่เคยเจออะไรที่จริงจังขนาดนี้ ผมเคยถามพ่อแม่ว่า “ผมมาทำอะไรที่นี่?” ท่านก็บอกผมว่า “สู้ไปเถอะลูก” ซึ่งพอมองย้อนกลับไป การเริ่มต้นฟุตบอลอาชีพที่สิงคโปร์ในช่วงอายุน้อยทำให้ผมมีจิตใจที่เข้มแข็งและตัดสินใจไม่ผิดที่มาค้าแข้งที่นี่ ถ้าผมอยู่ประเทศไทยตลอด ไม่เคยออกไปสัมผัสประสบการณ์ภายนอก วันนี้ผมอาจจะอิ่มตัวหรือเบื่อฟุตบอลไปแล้วก็ได้ ดังนั้น นักบอลไทย ถ้าใครมีโอกาส ไปเถอะครับ ชีวิตในต่างประเทศมันสอนอะไรเราเยอะจริงๆ คุณย้ายกลับมาเมืองไทยเล่นให้ บางกอกกล๊าส เอฟซี (บีจีพียู ในปัจจุบัน) เป็นทีมแรก ตอนนั้นคนจะพูดถึงคุณสองอย่าง คือ ดาวรุ่งที่เคยเล่นในต่างประเทศ กับคำว่า “เด็กเส้น” พอเจอ

อะไรแบบนี้ตั้งแต่เริ่มต้นค้าแข้งในบ้านเกิด รู้สึกอย่างไร?คำถามนี้ผมโอเคนะ เราเคยได้ยินมาตลอดคำว่า “เด็กเส้น” ผมพอนึกถึงออกว่ามันเป็นอย่างไร สมมติทำงานออฟฟิศ คำว่า เด็กเส้น เท่ากับคุณต้องมีนิสัยประจบสอพลอนาย ใช่ไหมครับ?แต่วันที่ผมเจอกับตัวเอง สำหรับเด็กอายุ 19-20 ผมถามหน่อยว่า มันทำเป็นเหรอ? ถ้าย้อนกลับไปไกลกว่านั้น สมัยผมเรียนมัธยมฯ ผมติด ร., มส. ตั้งหลายตัว หากผมเป็นเด็กเส้นจริง ผมต้องได้เกรดสี่ตลอดใช่ไหม? แต่ในเมื่อผมเรียนไม่เก่งจริง ผมไม่สามารถไปบอกอาจารย์ให้ช่วยได้หรอก หรือบอกพ่อว่าช่วยคุยกับครูหน่อย ถ้าคนที่รู้จักตัวตัวของผมจริงๆ จะรู้ว่าตลอดชีวิต 31 ปี ผมไม่เคยทำอะไรแบบนั้น ผมพยายามโชว์ให้ทุกคนเห็นมากกว่าว่า ผมมีความสามารถจริง ไม่ใช่เด็กเส้น อย่างพี่เบิร์ธ (สุธี สุขสมกิจ), ลีซอ (ธีรเทพ วิโนทัย), ดัสกร

(ทองเหลา), เทิดศักดิ์ (ใจมั่น) รุ่นพี่พวกนี้ เขาผ่านมาหมดแล้ว เขาก็สอนผมว่า “มึงไม่ต้องไปสนใจ สิ่งเดียวที่มึงจะเอาชนะคำพูดเหล่านั้นได้ คือ ส้นตีน ลงไปเล่นในสนามให้เต็มที่สิ” เป็นเหมือนภูมิคุ้มกันสำหรับตัวผมที่ได้พวกพี่ๆคอยชี้แนะ เป็นต้นแบบให้เห็นย้อนกลับไปเหตุการณ์ในเอเชียนเกมส์ 2010 (นัดไทย พบ เติร์กเมนิสถาน) เกิดขึ้นอะไรในตอนนั้น?ที่ผ่านมามีแต่คนถามผมว่า ทำไมยิงจุดโทษไม่เข้า 2 ลูก?, ทำไมโดนใบแดง? แต่ไม่เคยมีใครถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น? สื่อก็เอาความรู้สึกไปเขียน หรือเอาสิ่งที่คนวิจารณ์มาขยาย มันไม่แฟร์สำหรับผมอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง ตอนนั้น ไบรอัน ร็อบสัน (ผู้จัดการทีมชาติไทย) บอก

UFABETWINS

กับลูกทีมว่า “ถ้าใครมั่นใจให้ไปจัดการลูกจุดโทษซะ”ในทีมชุดนั้นมีซีเนียร์อย่าง พี่โก้ ดัสกร (ทองเหลา), พี่โอ๊ต ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ มีพี่มุ้ย (ธีรศิลป์ แดงดา) รวมถึง อุ้ม (ธีราทร บุญมาทัน) เล่นแบ็กซ้ายที่ดังอยู่แล้ว ส่วนผมตอนนั้นชื่อ วิชะยา เดชมิตร คนไทยยังไม่ค่อยรู้จักผมหรอก เพราะผมเป็นดาวรุ่งเพิ่งขึ้นมา ทุกคนพูดกันไปว่า หน้าที่นี้ควรต้องเป็นพี่โก้ใช่ไหม? แต่พี่โก้เป็นคนพูดเองว่า “น้องคนไหนมั่นใจ เอาเลย พี่ไม่ขอยิงดีกว่า พวกเอ็งเต็มที่เลย” เหมือนกับตอนนั้นทุกคนมั่นใจในตัวผม ผมก็โอเคยอมรับ มันคงต้องเป็น วิชะยา ยิงพอสถานการณ์จริง ผมยิงไม่เข้าทั้งสองลูก ณ ตอนนั้น มีกองเชียร์เต็มสนาม แต่ผมกลับไม่ได้ยิน

เสียงอะไรเลย มันอื้ออึงไปหมด สมาธิหลุดไปเลย คิดอย่างเดียวว่า “กูจะทำอย่างไรให้ทีมชนะ? ต้องการยิงประตูให้ได้” แต่กลายเป็นว่าผมไปทำแฮนด์บอล เสียจุดโทษ โดนใบแดงอีก สำหรับนักบอลที่เพิ่งอายุ 20 ปี ผมไม่เคยเจออะไรแย่ๆแบบนี้มาก่อนในชีวิต มันทำให้ผมอยากเลิกเล่นฟุตบอลเลย แต่ก็ได้กำลังใจจากคนรอบข้าง อย่างพี่ซอ (ธีรเทพ วิโนทัย) เขาบอกว่า “พี่เจอมาเยอะ ถ้ามึงจะขึ้นไปอยู่ในระดับท็อปของประเทศนี้ มึงต้องผ่านจุดนี้ไปให้ได้”

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>>  บ้านผลบอล